Movie Review and Storyline: The Commuter (2018)
Movie Review and Storyline: The Commuter (2018)
Blog Article
รีวิวหนัง The Commuter (2018) นรกใช้มาเกิด
ข้อมูลหนัง
ประเภทหนัง: แอคชัน, ระทึกขวัญ และลึกลับ
ผู้กำกับ: Jaume Collet-Serra
นักเขียน: Byron Willinger, Philip de Blasi และ Ryan Engle
นักแสดงนำ: Liam Neeson, Vera Farmiga และ Patrick Wilson
เรื่องย่อ
The Commuter (2018) นรกใช้มาเกิด กล่าวถึงเรื่องราวของ Michael MacCauley เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ NYPD ที่หันมาเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต หลังจากใช้ชีวิตอย่างสงบและมีความมั่นคงมานาน เขาเดินทางโดยรถไฟสาย Hudson Line ทุกวันจาก Tarrytown ไปยัง Grand Central Terminal แต่ชีวิตของเขากลับพลิกผันเมื่อถูกเลิกจ้างโดยไม่คาดคิด การตกงานในครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของครอบครัว แต่ยังทำให้เขาต้องปิดบังความจริงจากภรรยาและลูกชาย เขาเลือกที่จะสารภาพเรื่องนี้กับ Murphy อดีตคู่หูในตำรวจซึ่งยังรับราชการอยู่ แต่ยังไม่พร้อมบอกครอบครัวของตัวเอง
ในขณะที่เดินทางกลับบ้านในเย็นวันหนึ่ง Michael ได้พบกับหญิงลึกลับชื่อ Joanna ที่จุดประกายความลึกลับครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา Joanna เสนอ สมมติฐาน ที่น่าสงสัย โดยขอให้เขาตามหาผู้โดยสารนิรนามที่ใช้ชื่อว่า Prynne ซึ่งเธออ้างว่าครอบครองของที่ถูกขโมยมา เธอเสนอเงินจำนวน 25,000 ดอลลาร์ให้เขาพบในห้องน้ำ และสัญญาว่าจะเพิ่มอีก 75,000 ดอลลาร์หากเขาทำงานสำเร็จ ด้วยอดีตที่เป็นตำรวจของเขา Joanna มองว่า Michael เหมาะสมกับงานนี้ แม้จะลังเลในตอนแรก แต่ Michael ก็พบเงินสดในห้องน้ำตามที่เธอกล่าว รับชมหนังฟรี 2024 ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณาคั่น รับชมหนังฟรี ตลอด 24 ชม.
Michael พยายามออกจากรถไฟพร้อมเงิน แต่กลับถูกขัดขวางโดยชายหนุ่มลึกลับที่ยื่นซองจดหมายที่มีแหวนแต่งงานของภรรยาเขาอยู่ข้างใน เป็นการเตือนอย่างชัดเจนว่าเขาและครอบครัวถูกจับตามอง การติดต่อกับภรรยาทางโทรศัพท์ล้มเหลว Michael จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมเดินทางชื่อ Walt ด้วยวิธีลับๆ โดยเขียนข้อความลงในหนังสือพิมพ์เพื่อให้ส่งต่อถึงตำรวจ อย่างไรก็ตาม Joanna ยังคงควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด เธอโทรมาขู่และแสดงให้ Michael เห็นว่า Walt ถูกผลักไปยังหน้ารถบัสที่กำลังเคลื่อนที่จนเสียชีวิต ความน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้ Michael ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าต่อไป
เพื่อหาตัว Prynne Michael ใช้วิธีโน้มน้าวเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วให้ทำการค้นหาความปลอดภัยในรถไฟ แต่การค้นหากลับนำไปสู่ความวุ่นวาย ผู้โดยสารคนหนึ่งหลบหนีและโจมตี Michael ซึ่งพยายามติดตามเขา ในระหว่างนี้ Murphy โทรมาเปิดเผยว่า Prynne เป็นพยานสำคัญในคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่เมือง การตามหา Prynne กลับกลายเป็นแผนร้ายที่ทำให้ Michael เข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด ในที่สุด เขาพบศพของชายที่เขาติดเครื่องติดตามไว้ พร้อมป้าย FBI ยืนยันว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่
สถานการณ์ยิ่งทวีความซับซ้อน Joanna กดดันให้ Michael ระบุตัว Sofia เด็กสาววัย 16 ปี ซึ่งเป็น Prynne ตัวจริง เธอมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง Michael ปฏิเสธคำสั่งให้ฆ่าเธอ และ Joanna ตัดสินใจจุดระเบิดเพื่อทำลายรถไฟ Michael ใช้ความกล้าหาญและไหวพริบช่วยผู้โดยสารให้รอดชีวิตจากการระเบิด แม้พนักงานตรวจตั๋วจะต้องเสียชีวิต ในช่วงเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย Michael ต่อสู้กับ Murphy ซึ่งถูกเปิดเผยว่าเป็นตำรวจนอกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม Sofia เป็นพยานสำคัญที่ช่วยเปิดเผยความจริง ต่อมา FBI ยืนยันความบริสุทธิ์ของ Michael และช่วยเหลือครอบครัวของเขา อดีตเจ้านายเสนอให้เขากลับมาทำงาน แต่ Michael เลือกเก็บหลักฐานสำคัญไว้ ในตอนท้ายของเรื่อง Michael ได้เผชิญหน้ากับ Joanna บนรถไฟอีกครั้ง ครั้งนี้ในฐานะตำรวจผู้กลับมาทวงความยุติธรรม เขาแสดงบัตรตำรวจและเตรียมจับกุมเธอ เป็นการปิดฉากเรื่องราวการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความลุ้นระทึก ความกล้าหาญ และการเปิดโปงความจริง
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์
The Commuter (2018) นรกใช้มาเกิด เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญที่นำเสนอสถานการณ์ในพื้นที่จำกัดบนรถไฟที่ควรจะกระตุ้นความระทึกและความหวาดระแวง แต่กลับจบลงด้วยความรู้สึกที่ไม่โดดเด่นหรือไม่สามารถสร้างความประทับใจได้อย่างที่หวังไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดหมู่ที่ไม่เป็นทางการของซีรีส์ Liam Neeson Late Winter Butt Kickers (LNLWBKs) ซึ่งเริ่มต้นจากภาพยนตร์เรื่อง Taken ในปี 2009 และกลายเป็นสัญลักษณ์ของช่วงปลายฤดูหนาวในปฏิทินภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นการร่วมงานครั้งที่สี่ระหว่างนีสันกับผู้กำกับ Jaume Collet-Serra ซึ่งก่อนหน้านี้เคยฝากฝีมือใน Unknown, Non-Stop และ Run All Night มาแล้ว
แม้จะไม่ได้สร้างความตื่นเต้นแบบที่ควรจะเป็น แต่ The Commuter ก็ยังมีองค์ประกอบบางอย่างที่พอจะทำให้คุ้มค่ากับการรับชมในยามว่าง โดยเฉพาะการแสดงที่น่าทึ่งของ Liam Neeson ผู้ซึ่งสามารถเติมชีวิตให้กับตัวละครที่กำลังเผชิญกับวิกฤติชีวิตอย่างหนักหน่วง รวมถึงฉากแอ็กชันที่ออกแบบมาอย่างประณีต เช่น ฉากต่อสู้แบบต่อเนื่องที่ดูเหมือนจะพยายามสร้างความน่าจดจำเทียบเท่ากับฉากค้อนใน Oldboy อย่างไรก็ตาม ความน่าสนใจของโครงเรื่องกลับไม่ได้รับการพัฒนาหรือใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ฉุดรั้งภาพยนตร์เอาไว้
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยตัวละครของนีสัน ไมเคิล แม็คคอลีย์ อดีตตำรวจวัย 60 ปี ที่ผันตัวมาเป็นพนักงานขายประกัน เขาต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อถูกเลิกจ้างกะทันหันระหว่างเดินทางกลับบ้านบนรถไฟสายประจำวัน ด้วยความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของครอบครัวและความกดดันทางการเงินที่ถาโถม เขาได้พบกับ Joanna (รับบทโดย Vera Farmiga) หญิงลึกลับที่ยื่นข้อเสนอที่ดูเหมือนจะช่วยเขาจัดการกับปัญหาการเงินได้ เธอให้เขาค้นหาผู้โดยสารที่ใช้นามแฝงว่า Prynne และติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตัวบุคคลนั้นเพื่อแลกกับเงิน 100,000 ดอลลาร์
แม้ว่าแนวคิดนี้จะดูเป็นสถานการณ์ทางศีลธรรมที่ลึกซึ้ง แต่ภาพยนตร์กลับไม่สามารถโน้มน้าวให้ผู้ชมเชื่อว่าตัวละครของไมเคิล คนธรรมดาที่มีศีลธรรมและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในความเป็นพ่อ จะยอมแลกชีวิตของใครสักคนเพื่อเงินจำนวนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นีสันพยายามอย่างดีที่สุดในการถ่ายทอดความสิ้นหวังและความกดดันที่ตัวละครเผชิญ รวมถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่กัดกินเขาอย่างต่อเนื่อง
Jaume Collet-Serra ผู้กำกับ ดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ของ Alfred Hitchcock อย่างชัดเจน โดยพยายามสร้างบรรยากาศที่คล้ายคลึงกัน เช่น Rear Window และ Strangers on a Train พร้อมผสมผสานแนวคิดการเดินทางในชีวิตประจำวันของคนเมืองเข้ากับความฝันร้ายที่ไม่คาดฝัน อย่างไรก็ตาม The Commuter กลับไม่สามารถก้าวข้ามขอบเขตของการเล่าเรื่องที่เป็นแค่ภาพยนตร์แอ็กชันในพื้นที่จำกัดได้ Michael ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถไว้วางใจใครได้ และต้องพึ่งพาตนเองในเกือบทุกขั้นตอนของการเดินทาง
แม้พล็อตเรื่องจะพยายามสะท้อนประเด็นทางสังคม เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการทุจริตในหมู่ผู้มีอำนาจ แต่ภาพยนตร์กลับไม่สามารถสื่อสารประเด็นเหล่านี้อย่างจริงจังได้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการกล่าวถึงแบบผิวเผินที่ไม่ลึกซึ้งพอที่จะสร้างผลกระทบหรือจุดประกายความคิดในใจผู้ชม
ในท้ายที่สุด The Commuter อาจเหมาะสำหรับการรับชมอย่างผ่อนคลายบนหน้าจอทีวีหรือในระหว่างการเดินทางบนรถไฟ มากกว่าที่จะเป็นภาพยนตร์ที่ดึงดูดให้คุณรีบไปชมในโรงภาพยนตร์ นีสันยังคงเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจ แม้ว่าฉากแอ็กชันจะไม่สามารถก้าวข้ามกรอบเดิมๆ ได้ แต่เสน่ห์ส่วนตัวของเขาก็ยังคงเป็นแรงดึงดูดที่ยากจะปฏิเสธ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่
#TheCommuter #นรกใช้มาเกิด #mvhd24 #รีวิวหนัง #MovieReview #MovieSpoilers
กลับด้านบน Report this page